วันอาทิตย์ที่ 11 มีนาคม พ.ศ. 2561


7ST RECORDING, MONDAY,FEBRUARY  26,2018





สอบกลางภาค






6ST RECORDING, MONDAY,FEBRUARY  19,2018



ในสัปดาห์นี้อาจารย์ได้ให้ไปทำ mind map  เป็นชิ้นงานเดี่ยว ใส่ A4 


5ST RECORDING, MONDAY,FEBRUARY  12,2018



ความรู้ที่ได้รับ

       ตอนต้นคาบอาจารย์ได้พูดถึง เรื่อง การลงมือกระทำ วิธีการเรียนรู้ กฎการทำซ้ำของ ธอร์นไดค์ 

หลังจากนั้นอาจาร์ให้แต่ละกลุ่มทำ mind map การบูรณาการทักษะวิชา  และ กิจกรรมหลัก6กิจกรรม



บรรยากาศการทำงาน








     

หลังจากนั้นอาจารย์ได้ให้ออกไปนำเสนอ



   
    ซึ่งอาจารย์ได้แนะนำทักษะวิชาการมี 6 วิชาดังนี้
        คณิตศาสตร์ ⇉  ขนาด  การนับและบอกจำนวน การเปรียบเทียบ การเรียงลำดับ รูปทรง ทิศทาง รัยะทาง เลขาคณิต การวัด ราคา เวลา ตำแหน่ง มิติสัมพันธ์
        วิทยาศาสตร์ ⇉ การทดลองมีกี่กระบวนการ การวัดอุณหภูมิ ประดิษฐ์กลไกล
        สังคม ⇉ การอยู่ร่วมกับผู้อื่น
        สุขศึกษาและพละศึกษา ⇉ การเคลื่นไหว การออกกำลังกาย
        ศิลปสร้างสรรค์ ⇉ วาดภาพระบายสี ฉีกตัดปะ การปั้น พิมพ์ภาพ เป่าสี เปเปอร์มาเช่ สีเทียน ต่อเติมภาพ โมบาย
        ภาษา ⇉ สนทนาโต้ตอบ นิทาน คำคล้องจอง ปริศนาคำทาย ร้องเพลง


ซึ่งกลุ่มของดิฉันคือหน่วยฝนจ๋า 
       1.การบูรณาการทักษะวิชา 



       2.6กิจกรรมหลัก



      

ทักษะ

   - ได้ลองเขียนกิจกรรม6กิจกรรมหลักของแต่ละวัน
   - ได้รู้เนื้อหาที่นำไปบูรณาการกับวิชาอื่นๆ
   - การทำงานร่วมกับผู้อื่น

การนำไปประยุกต์ใช้

   - นำเอากิจกรรม6กิจกรรมนำไปเขียนแผนในการออกฝึกสอน


บรรยากาศในห้องเรียน

  - ห้องเรียนมีความผ่อนคลาย เพื่อนทุกคนตั้งใจทำงาน


ประเมินวิธีการสอน 

  - อาจารย์จะคอยแนะนำเนื้อหาเพิ่มเติมเสมอ

4ST RECORDING, MONDAY,february  5,2018



ความรู้ที่ได้รับ
     ในสัปดาห์นี้เป็นการนำเสนอ 6 กลุ่มที่เหลือ


          กลุ่มที่ 1 การเรียนการสอนแบบมอนเตสเซอรี่ Montessori




           *ครูจัดสิ่งแวดล้อมให้เหมือนบ้าน กระตุ้นเด็กให้เด็กแก้ปัญหา้วยตนเองอย่างอิสระ*
หลักสูตรของมอนเตสซอรี่สำหรับเด็กวัย 3-6 ขวบ ครอบคลุมการศึกษา 3 ด้านคือ
  • ด้านทักษะกลไก → ฝึกการดูแล ความรับผิดชอบเด็กจะทำกิจกรรมต่างๆที่เกี่ยวกับการเคลื่อนไหวเบื้องต้นของชีวิตประจำวัน
  • ด้านประสาทสัมผัส→ ฝึกการสังเกต การใช้ประสาทสัมผัสทั้งห้าเกี่ยวกับมิติ รูปทรง ปริมาตรของแข็ง ของทึบ อุณหภูมิ 
  • ด้านการเขียนและคณิตศาสตร์ → เตรียมเด็กเข้าสู่ระดับประถมศึกษา เตรียมตัวด้านการอ่านการเขียนโดยธรรมชาติ 
หลักการสอนแบบมอนเตสเซอรี่
  1. เด็กจะได้การยอมรับนับถือ
  2. เด็กมีจิตซึมซาบได้
  3. ช่วงเวลาหลักของชีวิต
  4. การเตรียมสิ่งแวดล้อม
  5. การศึกษาด้วยตนเอง
ประโยชน์ของการเรียนการสอนแบบมอนเตสเซอรี่
  • เด็กเกิดการเรียนรู้ได้ตนเอง ซึ่งเป็นพื้นฐานของการเข้าใจตนเองในการเลือกวิธีการเรียนรู้ 
  • เด็กสามารถนำสิ่งที่เรียนรู้ไปใช้ในชีวิตประจำวันได้ดี
  • เด็กเรียนด้วยความสุข เพราะเป็นการเล่นปนเรียน สอดคล้องกับธรรมชาติการเรียนรู้ของเด็ก
  • เด็กได้เข้าสังคมกับเพื่อน เรียนรู้ที่อยู่ร่วมกัน ให้ความช่วยเหลือกัน เพราะจัดกลุ่มเด็กหลายอายุ รวมกลุ่มกัน

          

          กลุ่มที่ 2 ภาษาธรรมชาติ




 → การสอนแบบภาษาธรรมชาติคือ การพูด อ่าน เขียนเน้นให้เด็กลงมือทำด้วยตนเองเป็นการส่งเสริมภาษาของเด็ก

ลักษณะการสอนภาษาแบบธรรมชาติ
  • เด็กเป็นศูนย์กลางของการเรียนรู้ เด็กมีโอกาสเลือกกิจกรรมปฏิบัติอย่างอิสระ ครูเป็นผู้สนับสนุนการเรียนรู้ และร่วมมือจัดการเรียนการสอนร่วมกันระหว่างเด็กกับครู และการมีปฏิสัมพันธ์ร่วมกับผู้อื่น
  • เมื่อเด็กอยู่ในสิ่งแวดล้อมที่มีภาษาหรือตัวหนังสือ มีมุมอ่าน/เขียน ป้ายประกาศต่างๆ มุมนิทานให้เด็กได้ใช้ภาษาพูด เล่าเรื่องราว ที่จะทำให้เด็กได้คุ้นเคยกับภาษา

                       กลุ่มที่ 3 การจัดทำสารนิทัศน์ในเด็กปฐมวัย



  • สารนิทัศน์หมายถึง  ส่วนสำคัญที่นำมาเป็นตัวอย่าง อาจเป็นผลงานของเด็ก  ภาพถ่าย  กิจกรรมของเด็ก บทสนทนาของเด็ก ที่แสดงให้ผู้อื่นเห็น หรือแสดงให้เห็นร่องรอยของการเจริญเติบโต  พัฒนาการ  และการเรียนรู้ของเด็กปฐมวัย จากการทำกิจกรรมของเด็กเป็นรายบุคคล หรือเป็น


         สารนิทัศน์ประเภทที่ 1 การบรรยายเรื่องราว หรือประสบการณ์ 
                    การเขียนเรื่องราวเหตุการณ์ การปฏิบัติกิจกรรมตามลำดับเหตุการณ์ ตั้งแต่เริ่มต้นจนสิ้นสุดเหตุการณ์ เพื่อบอกประโยชน์และเรื่องราวที่ได้จากการทำกิจกรรมหรือกิจวัตรประจำวันที่โรงเรียน
         สารนิทัศน์ประเภทที่ 2 การสังเกตพัฒนาการเด็ก 
                     เป็นวิธีการเก็บรวบรวมข้อมูลตัวอย่างเด็กอย่างไม่เป็นทางการ ใช้วิธีการนี้รวบรวมพัฒนาการของเด็กทุกด้าน การสังเกตต้องใช้หูและตาเป็นเครื่องมือสำคัญ ควรมีจุดมุ่งหมายที่แน่นอน มีแบบบันทึกการสังเกต เพื่อนำข้อมูลไปประเมินและช่วยพัฒนาเด็กในแต่ละด้าน
          สารนิทัศน์ประเภทที่ 3 แฟ้มสะสมงาน (Portfolio) 
                      เป็นสารนิทัศน์ที่มุ่งเน้นด้านการจัดเก็บรวบรวมผลงานของเด็กเป็นรายบุคคล หรือ อย่างต่อเนื่องและสม่ำเสมอ ช่วยให้เห็นพัฒนาการและความก้าวหน้าต่างๆของเด็ก เป็นวิธีการที่เหมาะในการวัดและประเมินเด็กในลักษณะการเรียนการสอนที่เน้นเด็กเป็นสำคัญและนึกถึงความแตกต่างระหว่างบุคคลเป็นสำคัญ
         สารนิทัศน์ประเภทที่ 4 ผลงานรายบุคคลและรายกลุ่ม 
                     ผลงานรายบุคคล การนำผลงานของเด็กในการทำกิจกรรมมาจัดเก็บ เพื่อแสดงให้เห็นกระบวนการเรียนรู้ และพัฒนาการของเด็กรายบุคคลโดยคำนึงถึงความแตกต่างระหว่างบุคคลผลงานรายกลุ่มการนำเสนอผลงานของเด็กเป็นกลุ่มมาจัดเก็บ หรือ ถ่ายทอดสู่ผู้อื่น ทำให้เด็กได้เรียนรู้การทำงานเป็นกลุ่ม มีการบ่างหน้าที่ ความรับผิกชอบ ระดมสมอง แลกเปลี่ยนความคิด พึ่งพาการโดยคำนึงถึงส่วนรวม
         สารนิทัศน์ประเภทที่ 5 การสะท้อนตนเอง
                    การแสดงความคิดเห็น ความรู้ความเข้าใจ ความรู้สึกของผู้เกี่ยวข้องกับกระบวนการจัดประสบการณ์และกิจกรรม ประกอบด้วย เด็ก คุณครู และผู้ปกครอง โดยมีการสะท้อนตนเองของบุคคลทั้ง 3 กลุ่ม คือ หลักฐานการสะท้อนตนเองของเด็ก หลักฐานการสะท้อนตนเองของคุณครู หลักฐานการสะท้อนตนเองของผู้ปกครอง

              กลุ่มที่ 4 แฟ้มสะสมผลงาน



                          เป็นสารนิทัศน์ที่มุ่งเน้นด้านการจัดเก็บรวบรวมผลงานของเด็กเป็นรายบุคคลอย่างต่อเนื่องและสม่ำเสมอ ช่วยให้เห็นความก้าวหน้าทางพัฒนาการด้านต่างๆและความสำเร็จของเด็ก 

    จุดประสงค์แฟ้มสะสมผลงาน
    1. เห็นคุณภาพของงานและการคิดของเด็ก
    2. แสดงความก้าวหน้าของเด็กในเวลาที่ล่วงไป
    3. ประเมินงานของเด็กแต่ละคน
    4. สะท้อนประสบการณ์ที่เด็กได้รับ
    5. ให้โอกาสสะท้อนสิ่งที่คาดหวังในงานของเด็ก
    6. ให้ข้อมูลที่สำคัญเกี่ยวกับความก้าวหน้าของเด็กและกิจกรรมที่ทำแก่เด็กคุณครู ครบครัว และผู้ที่เกี่ยวข้อง
    องค์ประกอบแฟ้มสะสมผลงาน
    1. ส่วนปก ปกนอกและปกใน
    2. ส่วนนำ คำนำ ข้อมูลผู้เรียน สารบัญ 
    3. เป็นส่วนรวบรวมหลักฐาน ผลงาน เอกสารต่างๆที่แสดงถึงความรู้ ทักษะ และเจตคติของผู้เรียนส่วนข้อมูลเพิ่มเติมหรือภาคผนวก ปฏิทินปฏิบัติงานในการเก็บผลงานแผนการสะสมผลงาน ข้อมูลจากการสังเกต การสัมภาษณ์ และแบบประเมินอื่นๆ
    วิธีการเก็บรวบรวมข้อมูลในแฟ้มสะสมผลงาน

             การสังเกตและการบันทึก
    1. การสังเกต เป็นวิธีการที่ใช้มากที่สุดในการศึกษาเด็กแบ่งออกเป็นการสังเกตอย่างมีระบบ ได้แก่ สังเกตอย่างมีจุดมุ่งหมายแน่นอน ตามแผนการสังเกตแบบไม่เป็นทางการ ได้แก่ สังเกตขณะเด็กทำกิจกรรมประจำวันเมื่อเกิดพฤติกรรมที่ไม่คาดคิด ครูก็จดบันทึกไว้          
    2. การบันทึก มีความสำคัญอย่างยิ่งที่ต้องทำสม่ำเสมอ



    การสนทนา
    ใช้การสนทนาได้ทั้งรายกลุ่มหรือรายบุคคลเพื่อประเมินความสามารถในการแสดงความคิดเห็นและด้านภาษาและบันทึกลงในแบบบันทึกพฤติกรรมหรือรายวัน
    การสัมภาษณ์
    เป็นการพูดคุยกับเด็กรายบุคคล สภาพแวดล้อมที่เหมาะสม คำถามเข้าใจง่าย
    การจัดทำแฟ้มสะสมผลงานภาพถ่าย
    ใช้วิธีถ่ายภาพด้วยกฎสามส่วน แบ่งภาพออกเป็นสามส่วนเท่าๆกัน
    ควรถ่ายภาพเด็กเป็นรายบุคคลหรือกลุ่มเล็กมากกว่ากลุ่มใหญ่
    ถ่ายภาพในมุมต่างกัน
    ถ่ายภาพต่อเนื่องเป็นชุด ขณะเด็กกำลังแก้ปัญหา


              กลุ่มที่ 5 วอลดอร์ฟ Waldorf




             นวัตกรรมการศึกษาแนววอลดอร์ฟมีรากฐานมาจากมนุษยปรัชญา (Anthroposophy)โดย ดร.รูดอร์ฟ สไตเนอร์ความสำคัญของครูในอนุบาลวอลดอร์ฟ จึงต้องเรียนรู้ที่จะเข้าใจ “เด็กตามธรรมชาติ” (Natural Childhood) และภาวะกึ่งฝัน (Dreamy stated) ที่มีอยู่ในวัยเด็ก การศึกษาจึงเสมือนการทำหน้าที่ปลุกให้เด็กค่อยๆตื่นขึ้นมาในโลก หาวิธีเชื่อมโยงเด็กสู่โลกที่เขาได้ลงมาเกิด 

    ครูอนุบาลต้องให้ความสำคัญในการจัดการศึกษาให้เหมาะสมกับอายุและความสามารถตามวัยของเด็ก ให้เกิดความสม ดุลกัน

     การศึกษาแนววอลดอร์ฟมีลักษณะ
    1. ความเข้าใจของครูผู้สอน →มีจุดเน้นที่ “ครู” คือมีการจัดทำคอร์สฝึกหัดครูในแนวทางวอลดอร์ฟ
    2. ทักษะศิลปะของครูผู้สอน →ฝึกฝนทักษะชีวิตโดยเฉพาะด้านศิลปะ 
    3. การจัดประสบการการณ์เรียนรู้สำหรับเด็กปฐมวัยในแนววอลดอร์ฟ →หลักสูตรและกิจกรรม จัดให้มีความเชื่อมโยงกัน ทั้ง 3 มิติ คือ
      -รอบปี (ฤดู เทศกาล วัฒนธรรม)
      -รอบสัปดาห์ (วิถีชีวิตของคนในชุมชน สังคม ครอบครัว)
      -รอบวัน (จังหวะชีวิตในหนึ่งวัน)
    4. การจัดสภาพแวดล้อม→อนุบาลแบบบ้าน โดยมีครูเสมือนแม่ การจัดสภาพแวดล้อมภายในเช่นเดียวกับบ้านหนึ่ง
    5. ธรรมชาติการเรียนรู้ในวัยเด็ก →เด็กเรียนรู้ผ่านการเลียนแบบ โดยมีครูทำให้เห็นเป็นแบบอย่าง 
    6. เล่นอย่างอิสระ →เสริมจินตนาการและความคิดสร้างสรรค์
    7. บทบาทครู ( 3 R ) →การทำซ้ำ (Repetition),จังหวะ (Rhythm),เคารพ (Reverence)



    ประโยชน์
    1. เด็กมีอิสระ พัฒนาตนเต็มศักยภาพที่ตนมี
    2. เด็กมีความคิดแยบคาย สดใส มีพลังและสร้างสรรค์
    3. เด็กมีความเมตตา กล้าหาญ ใฝ่รู้ เอื้ออาทร


              กลุ่มที่ 6 ไฮสโคป High Scope


             ไฮสโคป เป็นการสอนที่เน้นการเรียนรู้แบบ ลงมือทำ ผ่านมุมเล่นที่หลากหลาย ด้วยสื่อและกิจกรรมที่เหมาะสมกับพัฒนาการของเด็ก และการแก้ปัญหาอย่างกระตือรือร้น โดยการให้โอกาสเด็กเป็นผู้ริเริ่มการเล่นหรือกิจกรรมต่าง ๆ อย่างอิสระ

    ทฤษฎีที่เกี่ยวข้อง
    • เพียเจต์ Piaget เน้นการเรียนรู้แบบลงมือกระทำ
    • อีริกสัน Erikson .ให้โอกาสเด็กเป็นผู้ริเริ่มการเล่น
    • ไวก๊อตสกี้ Vygotsky  เรื่องปฏิสัมพันธ์และการใช้ภาษา

    กิจวัตรประจำวัน



    1. การวางแผน (Plan) เป็นการกำหนดแนวทางการปฏิบัติ หรือการดำเนินงานตามงานที่ได้รับมอบหมายหรือสิ่งที่สนใจด้วยการสนทนาร่วมกันระหว่างครูกับเด็ก 
    2. การปฏิบัติ (Do) คือ การลงมือทำกิจกรรมตามแผนที่วางไว้ เป็นส่วนที่เด็กได้ร่วมกันคิด แก้ปัญหา ตัดสินใจ และทำงานด้วยตนเอง หรือร่วมกับเพื่อนอย่างอิสระตามเวลาที่กำหนดโดย มีครูเป็นผู้ให้คำแนะนำ
    3. การทบทวน (Review) เด็ก ๆ จะเล่าถึงผลงานที่ตนเองได้ลงมือทำเพื่อทบทวนว่าตนเองนั้นได้ปฏิบัติงานตามแผนที่ได้วางไว้หรือไม่ มีการเปลี่ยนแปลงอย่างไร การทบทวนจุดประสงค์ที่แท้จริงคือ ต้องการให้เด็กได้เชื่อมโยงแผนการปฏิบัติงานกับผลงานที่ทำ รวมถึงการเล่าประสบการณ์ต่าง ๆ ที่ได้ลงมือทำด้วยตนเอง
    ประโยชน์ของไฮสโคปHigh Scope
    1. สอนให้เด็กมีปฏิสัมพันธ์เชิงบวกกับผู้อื่น
    2.  การลงมือทำงานฝึกให้เด็กวางแผนการทำงานอย่างเป็นขั้นตอน เป็นระบบ
    3.  เด็กได้ฝึกสมาธิทำให้เด็กเกิดปัญญา ฝึกความมีระเบียบวินัย ฝึกการคิดอย่างมีความหมาย


    ทักษะ

        - ได้รู้การเรียนการสอนแบบมอนเตสเซอรี่
        -  รู้ว่าสารนิทัศน์จัดทำเพื่ออะไร
        - การทำแฟ้มสะสมงาน
        - รู้เนื้อหาการสอนแบบวอลดอร์ฟและไฮสโคป

        การนำไปประยุกต์ใช้

       -  นำเอาเนื้อหาเรื่องต่างๆมาปรับสอนเด็กในตอนฝึกสอนและนำความรู้เอาไปทำแฟ้มสะสมผลงานของเด็ก


    บรรยากาศในห้งเรียน 

       -ห้องเรียนเงียบสงบเพื่อนทุกกลุ่มตั้งใจนำเสนองานและตั้งใจฟังที่เพื่อนและอาจารย์นำเสนอ

    ประเมินวิธีการสอน

        - อาจารย์คอยแนะนำเนื้อหาเพิ่มเติมที่นอกเหนือจากที่เพื่อนนำเสนอ





    วันเสาร์ที่ 10 มีนาคม พ.ศ. 2561

    3st recording, Monday, January 29,2018



     ความรู้ที่ได้รับ

         ทบทวนเนื้อหานำเสนอสัปดาห์ที่แล้ว

    1.พัฒนาการ 12 มาตรฐาน
    • นิยามพัฒนาการ ⭆ การเปลี่ยนแปลงที่เป็นไปตามลำดับขั้น อย่างต่อเนื่องตามช่วงวัย
    • ลักษณะ ⭆ การเปลี่ยนแปลงตามลำดับอย่างต่อเนื่อง
    • พัฒนาการตามลักษณะขั้นบันได
    • การทำเป็นลำดับขั้นคือการทำงานของสมอง
    • การใช้ประสาทสัมผัสทั้ง 5 เพื่อเรียนรู้ ซึมซับ และรวมเป็นสิ่งใหม่
    • การเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมเรียกว่าการเรียนรู้ และความอยู๋รอด
    • การตอบตามตาเห็น = การอนุรักษ์
       ความสำคัญ   ➾ จัดประสบการณ์ให้เหมาะสมกับวัย
       ประเมินเด็ก   ➾ ตัวชี้วัด

    2.ความสนใจความต้องการ 
    • มาจากพัฒนาการ ความต้องการ การแสดงออก
    • การเรียนรู้ ⟹ เด็กได้เรียนจริงปฏิบัติจริง
    • ถ้านำเทคโนโลยีเข้ามาให้เด็กไวจะบั่นทอนสมาธิของเด็ก
    • ถ้าเด็กไม่ได้ลงมือปฏิบัติจริงให้สอนผ่านนิทาน เพราะเด็กจะได้โต้ตอบ
    • เด็กมีปฎิสัมพันธ์กับสิ่งแวดล้อม
    • การถ่ายทอดทางวัฒนธรรม⟶ผู้ปกครองเป็นตัวอย่าง
    • การให้แรงเสริม (สกินเนอร์) ภายนอก-ให้ของขวัญ  ภายใน-คำชม
    3.การเรียรู้ของเด็กปฐมวัย
         บรูเนอร์ 3 ขั้น 1.ลงมือกระทำ/ลงมือปฏิบัติ
                               2.สร้างเป็นภาพ
                               3.เกิดเป็นสัญลักษณะ
          ไวกอสกี้  เด็กทำงานร่วมกับผู้อื่น และได้รับการช่วยเหลือจากผู้ใหญ่เกิดการเปลี่ยนแปลงพฤติกรรม

    4.การสอนแบบโครงการ
    • เด็กสร้างองค์ความรู้ด้วยตนเอง
    • เกิดทักษะการสำรวจ การสืบค้น ให้สอดคล้องกับศตวรรษที่ 21
    • ตอบจัดรูปแบบให้หลากหลายเหมาะสมกับทุกคน
    • ให้ความสำคัญกับผู้เรียน 
    • เด็กได้มีปฎิสัมพันธ์กับผู้อื่น
    • เด็กได้ใช้ศักยภาพของตัวเองในการนำเสนอ "กล้าแสดงออก"
    • เด็กได้เรียนรู้จากของจริง
    • เด็กได้ใช้ความคิดสร้างสรรค์
    • การทำงานอย่างเป็นระบบ "มีการวางแผนการออกแบบ"
    • เป็นการเรียนการสอนแบบบูรณาการ เพื่อตอบสนองความแตกต่างของเด็กแต่ละบุคคล
    • เป็นการเรียนรู้พร้อมกันระหว่างครูกับเด็ก
    •  **เรียนรู้อย่างลุ่มลึก**
    หลังจากนั้นอาจารย์ได้ให้แบ่งกลุ่มทำ mind map



     ซึ่งมีทั้งหมด 6 กลุ่ม  คือ 

           1. ผีเสื้อ

       2.ตัวเรา


      3.ของเล่นของใช้


    4.แหล่งน้ำ


    5.ยานพาหนะ

    6. ฝนจ๋า 


       ซึ่งกลุ่มชองดิฉันคือฝนจ๋า มีหัวข้อดังนี้
           1.การเกิดฝน
           2.สัตว์ที่พบในฤดูฝน
           3.โรคที่เกิดในฤดูฝน
           4.ประโยชน์และโทษของฝน
           5.การปฏิบัติตนในฤดูฝน
     หลังจากนั้นอาจารย์ได้อธิายแนะนำเพิ่มเติมเกี่ยวกับ mind map







    ทักษะ

      - เรียนรู้วิธีการเขียน mind map ที่ถูกต้อง
      - ได้รู้หะวข้อการเขียนหน่วยต่างๆของกลุ่มอื่น

    การนำไปประยุกต์ใช้

      - นำหน่วยที่เขียนเอาไปใช้ในการออกฝึกสอน

    บรรยากาศในห้องเรียน

      - สนุกสนานเพื่อนๆตั้งใจทำงาน

    ประเมินวิธีการสอน

      - อาจารย์คอยแนะนำวิธีการเขียน mind map ที่ถูกวิธีและให้คำแนะนะและปรับหัวข้อเนื้อหาให้เหมาะสม








    18 ST RECORDING, TUESDAY,MAY   1,2018 ความรู้ที่ได้รับ         อาจารย์ได้อธิบายหลักสูตร ปฐมวัย 60 → รศ ดร พัชรี ผลโยธิน  ...