วันอาทิตย์ที่ 11 มีนาคม พ.ศ. 2561

4ST RECORDING, MONDAY,february  5,2018



ความรู้ที่ได้รับ
     ในสัปดาห์นี้เป็นการนำเสนอ 6 กลุ่มที่เหลือ


          กลุ่มที่ 1 การเรียนการสอนแบบมอนเตสเซอรี่ Montessori




           *ครูจัดสิ่งแวดล้อมให้เหมือนบ้าน กระตุ้นเด็กให้เด็กแก้ปัญหา้วยตนเองอย่างอิสระ*
หลักสูตรของมอนเตสซอรี่สำหรับเด็กวัย 3-6 ขวบ ครอบคลุมการศึกษา 3 ด้านคือ
  • ด้านทักษะกลไก → ฝึกการดูแล ความรับผิดชอบเด็กจะทำกิจกรรมต่างๆที่เกี่ยวกับการเคลื่อนไหวเบื้องต้นของชีวิตประจำวัน
  • ด้านประสาทสัมผัส→ ฝึกการสังเกต การใช้ประสาทสัมผัสทั้งห้าเกี่ยวกับมิติ รูปทรง ปริมาตรของแข็ง ของทึบ อุณหภูมิ 
  • ด้านการเขียนและคณิตศาสตร์ → เตรียมเด็กเข้าสู่ระดับประถมศึกษา เตรียมตัวด้านการอ่านการเขียนโดยธรรมชาติ 
หลักการสอนแบบมอนเตสเซอรี่
  1. เด็กจะได้การยอมรับนับถือ
  2. เด็กมีจิตซึมซาบได้
  3. ช่วงเวลาหลักของชีวิต
  4. การเตรียมสิ่งแวดล้อม
  5. การศึกษาด้วยตนเอง
ประโยชน์ของการเรียนการสอนแบบมอนเตสเซอรี่
  • เด็กเกิดการเรียนรู้ได้ตนเอง ซึ่งเป็นพื้นฐานของการเข้าใจตนเองในการเลือกวิธีการเรียนรู้ 
  • เด็กสามารถนำสิ่งที่เรียนรู้ไปใช้ในชีวิตประจำวันได้ดี
  • เด็กเรียนด้วยความสุข เพราะเป็นการเล่นปนเรียน สอดคล้องกับธรรมชาติการเรียนรู้ของเด็ก
  • เด็กได้เข้าสังคมกับเพื่อน เรียนรู้ที่อยู่ร่วมกัน ให้ความช่วยเหลือกัน เพราะจัดกลุ่มเด็กหลายอายุ รวมกลุ่มกัน

          

          กลุ่มที่ 2 ภาษาธรรมชาติ




 → การสอนแบบภาษาธรรมชาติคือ การพูด อ่าน เขียนเน้นให้เด็กลงมือทำด้วยตนเองเป็นการส่งเสริมภาษาของเด็ก

ลักษณะการสอนภาษาแบบธรรมชาติ
  • เด็กเป็นศูนย์กลางของการเรียนรู้ เด็กมีโอกาสเลือกกิจกรรมปฏิบัติอย่างอิสระ ครูเป็นผู้สนับสนุนการเรียนรู้ และร่วมมือจัดการเรียนการสอนร่วมกันระหว่างเด็กกับครู และการมีปฏิสัมพันธ์ร่วมกับผู้อื่น
  • เมื่อเด็กอยู่ในสิ่งแวดล้อมที่มีภาษาหรือตัวหนังสือ มีมุมอ่าน/เขียน ป้ายประกาศต่างๆ มุมนิทานให้เด็กได้ใช้ภาษาพูด เล่าเรื่องราว ที่จะทำให้เด็กได้คุ้นเคยกับภาษา

                       กลุ่มที่ 3 การจัดทำสารนิทัศน์ในเด็กปฐมวัย



  • สารนิทัศน์หมายถึง  ส่วนสำคัญที่นำมาเป็นตัวอย่าง อาจเป็นผลงานของเด็ก  ภาพถ่าย  กิจกรรมของเด็ก บทสนทนาของเด็ก ที่แสดงให้ผู้อื่นเห็น หรือแสดงให้เห็นร่องรอยของการเจริญเติบโต  พัฒนาการ  และการเรียนรู้ของเด็กปฐมวัย จากการทำกิจกรรมของเด็กเป็นรายบุคคล หรือเป็น


         สารนิทัศน์ประเภทที่ 1 การบรรยายเรื่องราว หรือประสบการณ์ 
                    การเขียนเรื่องราวเหตุการณ์ การปฏิบัติกิจกรรมตามลำดับเหตุการณ์ ตั้งแต่เริ่มต้นจนสิ้นสุดเหตุการณ์ เพื่อบอกประโยชน์และเรื่องราวที่ได้จากการทำกิจกรรมหรือกิจวัตรประจำวันที่โรงเรียน
         สารนิทัศน์ประเภทที่ 2 การสังเกตพัฒนาการเด็ก 
                     เป็นวิธีการเก็บรวบรวมข้อมูลตัวอย่างเด็กอย่างไม่เป็นทางการ ใช้วิธีการนี้รวบรวมพัฒนาการของเด็กทุกด้าน การสังเกตต้องใช้หูและตาเป็นเครื่องมือสำคัญ ควรมีจุดมุ่งหมายที่แน่นอน มีแบบบันทึกการสังเกต เพื่อนำข้อมูลไปประเมินและช่วยพัฒนาเด็กในแต่ละด้าน
          สารนิทัศน์ประเภทที่ 3 แฟ้มสะสมงาน (Portfolio) 
                      เป็นสารนิทัศน์ที่มุ่งเน้นด้านการจัดเก็บรวบรวมผลงานของเด็กเป็นรายบุคคล หรือ อย่างต่อเนื่องและสม่ำเสมอ ช่วยให้เห็นพัฒนาการและความก้าวหน้าต่างๆของเด็ก เป็นวิธีการที่เหมาะในการวัดและประเมินเด็กในลักษณะการเรียนการสอนที่เน้นเด็กเป็นสำคัญและนึกถึงความแตกต่างระหว่างบุคคลเป็นสำคัญ
         สารนิทัศน์ประเภทที่ 4 ผลงานรายบุคคลและรายกลุ่ม 
                     ผลงานรายบุคคล การนำผลงานของเด็กในการทำกิจกรรมมาจัดเก็บ เพื่อแสดงให้เห็นกระบวนการเรียนรู้ และพัฒนาการของเด็กรายบุคคลโดยคำนึงถึงความแตกต่างระหว่างบุคคลผลงานรายกลุ่มการนำเสนอผลงานของเด็กเป็นกลุ่มมาจัดเก็บ หรือ ถ่ายทอดสู่ผู้อื่น ทำให้เด็กได้เรียนรู้การทำงานเป็นกลุ่ม มีการบ่างหน้าที่ ความรับผิกชอบ ระดมสมอง แลกเปลี่ยนความคิด พึ่งพาการโดยคำนึงถึงส่วนรวม
         สารนิทัศน์ประเภทที่ 5 การสะท้อนตนเอง
                    การแสดงความคิดเห็น ความรู้ความเข้าใจ ความรู้สึกของผู้เกี่ยวข้องกับกระบวนการจัดประสบการณ์และกิจกรรม ประกอบด้วย เด็ก คุณครู และผู้ปกครอง โดยมีการสะท้อนตนเองของบุคคลทั้ง 3 กลุ่ม คือ หลักฐานการสะท้อนตนเองของเด็ก หลักฐานการสะท้อนตนเองของคุณครู หลักฐานการสะท้อนตนเองของผู้ปกครอง

              กลุ่มที่ 4 แฟ้มสะสมผลงาน



                          เป็นสารนิทัศน์ที่มุ่งเน้นด้านการจัดเก็บรวบรวมผลงานของเด็กเป็นรายบุคคลอย่างต่อเนื่องและสม่ำเสมอ ช่วยให้เห็นความก้าวหน้าทางพัฒนาการด้านต่างๆและความสำเร็จของเด็ก 

    จุดประสงค์แฟ้มสะสมผลงาน
    1. เห็นคุณภาพของงานและการคิดของเด็ก
    2. แสดงความก้าวหน้าของเด็กในเวลาที่ล่วงไป
    3. ประเมินงานของเด็กแต่ละคน
    4. สะท้อนประสบการณ์ที่เด็กได้รับ
    5. ให้โอกาสสะท้อนสิ่งที่คาดหวังในงานของเด็ก
    6. ให้ข้อมูลที่สำคัญเกี่ยวกับความก้าวหน้าของเด็กและกิจกรรมที่ทำแก่เด็กคุณครู ครบครัว และผู้ที่เกี่ยวข้อง
    องค์ประกอบแฟ้มสะสมผลงาน
    1. ส่วนปก ปกนอกและปกใน
    2. ส่วนนำ คำนำ ข้อมูลผู้เรียน สารบัญ 
    3. เป็นส่วนรวบรวมหลักฐาน ผลงาน เอกสารต่างๆที่แสดงถึงความรู้ ทักษะ และเจตคติของผู้เรียนส่วนข้อมูลเพิ่มเติมหรือภาคผนวก ปฏิทินปฏิบัติงานในการเก็บผลงานแผนการสะสมผลงาน ข้อมูลจากการสังเกต การสัมภาษณ์ และแบบประเมินอื่นๆ
    วิธีการเก็บรวบรวมข้อมูลในแฟ้มสะสมผลงาน

             การสังเกตและการบันทึก
    1. การสังเกต เป็นวิธีการที่ใช้มากที่สุดในการศึกษาเด็กแบ่งออกเป็นการสังเกตอย่างมีระบบ ได้แก่ สังเกตอย่างมีจุดมุ่งหมายแน่นอน ตามแผนการสังเกตแบบไม่เป็นทางการ ได้แก่ สังเกตขณะเด็กทำกิจกรรมประจำวันเมื่อเกิดพฤติกรรมที่ไม่คาดคิด ครูก็จดบันทึกไว้          
    2. การบันทึก มีความสำคัญอย่างยิ่งที่ต้องทำสม่ำเสมอ



    การสนทนา
    ใช้การสนทนาได้ทั้งรายกลุ่มหรือรายบุคคลเพื่อประเมินความสามารถในการแสดงความคิดเห็นและด้านภาษาและบันทึกลงในแบบบันทึกพฤติกรรมหรือรายวัน
    การสัมภาษณ์
    เป็นการพูดคุยกับเด็กรายบุคคล สภาพแวดล้อมที่เหมาะสม คำถามเข้าใจง่าย
    การจัดทำแฟ้มสะสมผลงานภาพถ่าย
    ใช้วิธีถ่ายภาพด้วยกฎสามส่วน แบ่งภาพออกเป็นสามส่วนเท่าๆกัน
    ควรถ่ายภาพเด็กเป็นรายบุคคลหรือกลุ่มเล็กมากกว่ากลุ่มใหญ่
    ถ่ายภาพในมุมต่างกัน
    ถ่ายภาพต่อเนื่องเป็นชุด ขณะเด็กกำลังแก้ปัญหา


              กลุ่มที่ 5 วอลดอร์ฟ Waldorf




             นวัตกรรมการศึกษาแนววอลดอร์ฟมีรากฐานมาจากมนุษยปรัชญา (Anthroposophy)โดย ดร.รูดอร์ฟ สไตเนอร์ความสำคัญของครูในอนุบาลวอลดอร์ฟ จึงต้องเรียนรู้ที่จะเข้าใจ “เด็กตามธรรมชาติ” (Natural Childhood) และภาวะกึ่งฝัน (Dreamy stated) ที่มีอยู่ในวัยเด็ก การศึกษาจึงเสมือนการทำหน้าที่ปลุกให้เด็กค่อยๆตื่นขึ้นมาในโลก หาวิธีเชื่อมโยงเด็กสู่โลกที่เขาได้ลงมาเกิด 

    ครูอนุบาลต้องให้ความสำคัญในการจัดการศึกษาให้เหมาะสมกับอายุและความสามารถตามวัยของเด็ก ให้เกิดความสม ดุลกัน

     การศึกษาแนววอลดอร์ฟมีลักษณะ
    1. ความเข้าใจของครูผู้สอน →มีจุดเน้นที่ “ครู” คือมีการจัดทำคอร์สฝึกหัดครูในแนวทางวอลดอร์ฟ
    2. ทักษะศิลปะของครูผู้สอน →ฝึกฝนทักษะชีวิตโดยเฉพาะด้านศิลปะ 
    3. การจัดประสบการการณ์เรียนรู้สำหรับเด็กปฐมวัยในแนววอลดอร์ฟ →หลักสูตรและกิจกรรม จัดให้มีความเชื่อมโยงกัน ทั้ง 3 มิติ คือ
      -รอบปี (ฤดู เทศกาล วัฒนธรรม)
      -รอบสัปดาห์ (วิถีชีวิตของคนในชุมชน สังคม ครอบครัว)
      -รอบวัน (จังหวะชีวิตในหนึ่งวัน)
    4. การจัดสภาพแวดล้อม→อนุบาลแบบบ้าน โดยมีครูเสมือนแม่ การจัดสภาพแวดล้อมภายในเช่นเดียวกับบ้านหนึ่ง
    5. ธรรมชาติการเรียนรู้ในวัยเด็ก →เด็กเรียนรู้ผ่านการเลียนแบบ โดยมีครูทำให้เห็นเป็นแบบอย่าง 
    6. เล่นอย่างอิสระ →เสริมจินตนาการและความคิดสร้างสรรค์
    7. บทบาทครู ( 3 R ) →การทำซ้ำ (Repetition),จังหวะ (Rhythm),เคารพ (Reverence)



    ประโยชน์
    1. เด็กมีอิสระ พัฒนาตนเต็มศักยภาพที่ตนมี
    2. เด็กมีความคิดแยบคาย สดใส มีพลังและสร้างสรรค์
    3. เด็กมีความเมตตา กล้าหาญ ใฝ่รู้ เอื้ออาทร


              กลุ่มที่ 6 ไฮสโคป High Scope


             ไฮสโคป เป็นการสอนที่เน้นการเรียนรู้แบบ ลงมือทำ ผ่านมุมเล่นที่หลากหลาย ด้วยสื่อและกิจกรรมที่เหมาะสมกับพัฒนาการของเด็ก และการแก้ปัญหาอย่างกระตือรือร้น โดยการให้โอกาสเด็กเป็นผู้ริเริ่มการเล่นหรือกิจกรรมต่าง ๆ อย่างอิสระ

    ทฤษฎีที่เกี่ยวข้อง
    • เพียเจต์ Piaget เน้นการเรียนรู้แบบลงมือกระทำ
    • อีริกสัน Erikson .ให้โอกาสเด็กเป็นผู้ริเริ่มการเล่น
    • ไวก๊อตสกี้ Vygotsky  เรื่องปฏิสัมพันธ์และการใช้ภาษา

    กิจวัตรประจำวัน



    1. การวางแผน (Plan) เป็นการกำหนดแนวทางการปฏิบัติ หรือการดำเนินงานตามงานที่ได้รับมอบหมายหรือสิ่งที่สนใจด้วยการสนทนาร่วมกันระหว่างครูกับเด็ก 
    2. การปฏิบัติ (Do) คือ การลงมือทำกิจกรรมตามแผนที่วางไว้ เป็นส่วนที่เด็กได้ร่วมกันคิด แก้ปัญหา ตัดสินใจ และทำงานด้วยตนเอง หรือร่วมกับเพื่อนอย่างอิสระตามเวลาที่กำหนดโดย มีครูเป็นผู้ให้คำแนะนำ
    3. การทบทวน (Review) เด็ก ๆ จะเล่าถึงผลงานที่ตนเองได้ลงมือทำเพื่อทบทวนว่าตนเองนั้นได้ปฏิบัติงานตามแผนที่ได้วางไว้หรือไม่ มีการเปลี่ยนแปลงอย่างไร การทบทวนจุดประสงค์ที่แท้จริงคือ ต้องการให้เด็กได้เชื่อมโยงแผนการปฏิบัติงานกับผลงานที่ทำ รวมถึงการเล่าประสบการณ์ต่าง ๆ ที่ได้ลงมือทำด้วยตนเอง
    ประโยชน์ของไฮสโคปHigh Scope
    1. สอนให้เด็กมีปฏิสัมพันธ์เชิงบวกกับผู้อื่น
    2.  การลงมือทำงานฝึกให้เด็กวางแผนการทำงานอย่างเป็นขั้นตอน เป็นระบบ
    3.  เด็กได้ฝึกสมาธิทำให้เด็กเกิดปัญญา ฝึกความมีระเบียบวินัย ฝึกการคิดอย่างมีความหมาย


    ทักษะ

        - ได้รู้การเรียนการสอนแบบมอนเตสเซอรี่
        -  รู้ว่าสารนิทัศน์จัดทำเพื่ออะไร
        - การทำแฟ้มสะสมงาน
        - รู้เนื้อหาการสอนแบบวอลดอร์ฟและไฮสโคป

        การนำไปประยุกต์ใช้

       -  นำเอาเนื้อหาเรื่องต่างๆมาปรับสอนเด็กในตอนฝึกสอนและนำความรู้เอาไปทำแฟ้มสะสมผลงานของเด็ก


    บรรยากาศในห้งเรียน 

       -ห้องเรียนเงียบสงบเพื่อนทุกกลุ่มตั้งใจนำเสนองานและตั้งใจฟังที่เพื่อนและอาจารย์นำเสนอ

    ประเมินวิธีการสอน

        - อาจารย์คอยแนะนำเนื้อหาเพิ่มเติมที่นอกเหนือจากที่เพื่อนนำเสนอ





    ไม่มีความคิดเห็น:

    แสดงความคิดเห็น

    18 ST RECORDING, TUESDAY,MAY   1,2018 ความรู้ที่ได้รับ         อาจารย์ได้อธิบายหลักสูตร ปฐมวัย 60 → รศ ดร พัชรี ผลโยธิน  ...